2012-05-30

Asiatique The Riverfront (เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์) แหล่งที่เที่ยวใหม่ของผม

Review and Posted by Yokekung World

alt

หลายๆคนพอจะทราบว่า หลังจากที่ผมแต่งงานแล้ว ผมก็ย้ายมาอยู่แถววุฒากาศ ดังนั้น รอบๆบ้านก็จะมีห้างบิ๊กซี เดอะมอลล์ท่าพระ เซ็นทรัล พระราม 2 แต่ผมกับภรรยาก็หาที่ทานอาหารไปเรื่อย พอดีนั่งรถเมล์สาย 75 ผ่านก็เลยสนใจอยากมาเที่ยว ผมเคยไปที่ Asiatique The Riverfront (เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์) หลายครั้งแล้ว ตั้งแต่สมัยยังเปิดใหม่ๆแบบยังไม่เสร็จสมบูรณ์ มาสำรวจหาอะไรทานกับภรรยา รอบแรกไปถ่ายรูป ไปทานร้าน Kimju เดินสำรวจโดยรอบ ครั้งถัดมาทานร้าน Nikuya by OISHI ผมและภรรยาก็มองว่า Asiatique The Riverfront (เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์) คล้ายกับสวนลุมไนท์ บาร์ซ่า

alt

การออกแบบ Asiatique The Riverfront (เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์) ตั้งอยู่แถวๆเจริญกรุง 76 จะเป็นโกดัง จริงๆแล้วมันคือโกดังเก่า เป็นท่าเรือ ของบริษัท อีสต์ เอเชียติก แล้วตอนหลังกลายเป็นของ TCC Group เจ้าของเบียร์ช้าง ถ้าคุ้นๆจะทราบว่า เจ้าของเดียวกับ Pantip Plaza และ Digital Gateway สยามสแควร์นั่นแหล่ะ Asiatique The Riverfront (เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์) ตั้งอยู่ถนนเจริญกรุง 76 ไปง่าย ผมกับแฟนนั่งแท็กซี่ 50 บาทจากปากซอยบ้านก็ถึงแล้ว ขอเหอะ อย่าเอารถมาเลย การจราจรคับคั่งมากในช่วงเย็น 


alt


อ้อ Asiatique The Riverfront (เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์) เปิด 17.00 – 23.30 พอใกล้ๆเที่ยงคืน เพราะมีร้านอาหาร ร้านเหล้านั่งสบายๆ แล้วก็เดินทางโดยเรือจากสะพานตากสินได้ด้วย
(มา BTS สถานีสะพานตากสิน) ใครขับรถมา แนะนำให้ติดตาม twitter จส 100 สวพ 91 ให้ดีเสียก่อน เพราะมีช่วงวันที่ 6 พฤษภาคม ที่ผมไป ช่วงนั้นเป็นวันที่คนแห่กันไป Mega บางนา ผมก็หนีมาที่เอเซียทีค แต่รถติดบรรลัยครับพี่น้อง ถนนเจริญกรุงเป็นถนนเล็ก แออัดด้วยรถหนาแน่นแบบนี้ รถเข้าออกก็ติดกันแหล่ะครับ เป็นชั่วโมงเลย ทางที่ดีเดินทางมาตั้งแต่ก่อน 6 โมงเป็นดีที่สุด โดยเฉพาะวันอาทิตย์

alt

จุดเด่นของ Asiatique The Riverfront (เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์) ก็คือ การจัดโซนเป็น ย่านโรงงาน ย่านเจริญกรุง ย่านริมน้ำ มีโกดังเป็นร้านขายสินค้า คล้ายๆกับสวนลุมคือ ของกระจุกกระจิก ของแนวๆ แฟชั่น ขายเฉพาะช่วงเย็นจนถึงกลางคืน 


alt

ดีหน่อยว่าที่นี่เปิดดึก ดังนั้นคนที่เบื่อห้างที่ปิดเร็ว ก็สามารถมาหาอะไรทาน หรือนั่งชิลๆริมน้ำได้ มีร้านอาหารทะเลหลายร้าน ที่จอดรถเยอะดี ร้านก็จะมีพวก KFC, Yayoi, The Pizza Company, Kimju, Nikuya และอีกหลายๆร้าน 


alt



alt


วันนี้ไปลองร้าน Akiyoshi เปิด 5 โมง คราวก่อนเคยไป ลองถามดูพบว่า 30 คิว ไม่ไหว สาเหตุที่คนเยอะ ก็เพราะไม่มีการจำกัดเวลาด้วย (ร้านอาหารญี่ปุ่นหรือเกาหลีพวก ปิ้งย่าง ชาบู มักจะจำกัดเวลา 1.30 – 2 ชั่วโมง) 

alt


และสิ่งที่กลายเป็นความน่าสนใจของที่นี่ก็คือ การมีพร็อปให้เราถ่ายภาพ วันนี้ผมไปตั้งแต่บ่ายโมงกว่า ก็สังเกตว่า มีคนมาถ่ายแบบพริตตี้ ถ่ายภาพ Pre-wedding เหมือนกัน

คุยกับภรรยาแล้ว น่าคิดว่า สมัยนี้คนเดิน Community Mall เป็นหลัก ไม่ค่อยจะเดินห้างแล้ว เพราะห้างต้องรีบๆๆกิน เวลาก็จำกัด ยิ่งแถวนี้มีทั้ง The Circle ราชพฤษ์ และอีกหลายแห่ง แต่เวลาฝนตกเนี่ย หน้าฝนจะเป็นยังไง เพราะถึงจะมีโกดัง แต่หากฝนตกหนัก กว่าจะเดินไปถึงรถก็ลำบากเหมือนกันนะ เพราะไม่ได้มีหลังคาต่อกัน แต่เท่าที่ดู เราน่าจะมีสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ ในการกิน ดื่ม แล้วล่ะ ยิ่งเห็นมีร้านอาหารทะเล ดื่มเบียร์สบายๆ แหมม อยากให้อากาศหนาวๆ ลมเย็นๆนะ ชิลๆ สบายๆเลย แถมมีร้านนั่งดื่มแบบริมน้ำ โอ้ว สุดยอด

2012-05-25

โธ่! ร้านป้านันท์ไปซะแล้ว ร้านข้าวแกงประจำของผม






วันนี้นอกเรื่อง งดรีวิวครับ เพราะเมื่อวานนี้ตอน 11:30 ไปทานข้าวเที่ยงที่ร้านประจำ “ครัวป้านันท์” เป็นร้านที่รู้จักและทานกันเป็นประจำมาตลอดระยะเวลา 3 ปี ที่มาทำงานที่ใหม่แห่งนี้ ร้านอาหารตามสั่งสุดโปรด เพราะบรรยากาศชิลๆ ดี ทำอาหารก็ค่อนข้างรวดเร็วทันใจ มีหนังสือพิมพ์ไทยรัฐที่ผมชอบอ่านประจำให้อ่านด้วย ร้านน้ำปั่นข้างๆ ชื่อป้าอร ก็ทำน้ำสตอเบอรี่ปั่นของโปรดได้อร่อย (แต่หลังๆ ผมชอบดื่มน้ำแดงปั่น ไม่ก็น้ำเขียวปั่น เพราะอากาศร้อนๆ สดชื่นสะใจกว่าเยอะ) … แต่พรุ่งนี้ก็ต้องเปลี่ยนไปทานที่อื่นแล้วสินะ



บรรยากาศกันเองมาก เหอๆ รับออร์เดอร์แล้วก็ทำๆๆๆๆ แต่ทำไวนะ


ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะอื่นใดเลยนะ แต่เป็นเพราะที่ดินตรงที่ร้านป้านันท์กับป้าอรเช่าเขาอยู่ ถูกขายเอาไปให้กับโครงการคอนโดมิเนียมไปซะแล้ว … ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะที่ดินตรงนั้นอ่ะ มันอยู่ติดกับท่าเรือคลองแสนแสบ “อโศก-เพชรบุรี” แถมเดินไปอีกหน่อยก็เป็นทางออก MRT สถานีเพชรบุรีอีก ทำเลดีมากๆ … แต่ก็น่าเสียดาย และใจหายอะ เพราะว่าก็กินที่นี่มานานนะครับ และมาประจำเกือบทุกวัน (ยกเว้นวันที่ร้านปิด) จนถึงบัดนี้ก็ร่วม 3 ปีแล้ว เกิดความผูกพันกันเล็กๆ ล่ะ
ได้ข่าวว่าจะย้ายไปขายที่อื่น ดูเหมือนจะเป็นตรงตลาดข้างตึก ททท. ซึ่งเป็นสถานที่สำรองที่ผมไว้ไปทานอาหาร ถ้าแบบนั้นคงได้ไปทักทายกัน แต่เพราะข้อกำหนดของเจ้าของสถานที่ เลยไม่สามารถขายอาหารตามสั่งได้ (มีร้านอื่นขายก่อนแล้ว) คงต้องเป็นข้าวมันไก่และก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่แทน … ไว้จะไปอุดหนุนนะ แต่ผมชอบอาหารตามสั่งมากกว่าจริงๆ อ้ะ ฮือๆ

2012-05-10

อีแพง (ผีเอวลอย) ละคร บ่วง ช่อง 3

  
   

ขอขอบคุณภาพจาก http://www.sanook.com และ ตามลายน้ำช่อง3ครับ

"ความตายมันยุติธรรมจะสูงต่ำ รวยจน
สุดท้ายทุกคนต้องตายเป็นผีเท่าๆกัน"

  โปรยหัวมาด้วยคำพูดตัวแดงโตๆ แล้วทำไมต้องเป็น "กรณีผีอีแพง" ต้องบอกก่อนเลยว่าผมไม่ค่อยชอบดูละครไทยซักเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าหัวสูงหรือกระแด๊ะ แต่เนื้อหามันก็วน ๆ อยู่แบบเดิมๆ ไม่ก็เอาเรื่องเ่ก่ามาทำใหม่ แล้วโปรโมทใหญ่โตให้ฮือหากับพระเอกนางเอกใหม่ สุดท้ายก็แนวเดิม พระเอกโคตรคนหล่อรวย..... มีตัวร้ายแอบชอบ แล้วก็ตามกรี๊ดๆๆ ตัวนางเอกตลอด มีการวางแผน คิดแผน ลับ ลวง พลาง ต่างๆ นานา ในอดีตนางเอกต้องเป็นลูกคนรวยแต่โดนขโมยไปตั้งแต่เด็ก ไม่ก็โดนเมียน้อย เมียใหม่เจ้าคุณพ่อใส่ร้าย หรือชอบกัดกับพระเอกทั้งๆที่แอบชอบ(แล้วพวกมึงคุยกันดีๆไม่เคยได้ด้วย) บอกตามตรงโคตรเบื่อ อีกอย่างนางร้ายต้องนมหลุดอ่อยพระเอกตลอดทุกครั้งที่เจอหน้าแต่แม่งไม่เป็นผล(เป็นชีวิตจริงกรูว่ามึงโดนนานละอุ๊บ!! ขออภัยหยาบโลน) นางเอกก็ต้องดีแสนดีอะไรทำนองนี้ ซึ่งล่าสุดผม ตามดูเรื่อง "แม่ยายที่รัก" บอกตามตรงชอบความฮาของหลายๆตัวละคร และแนวสอนของหนังที่หยิบยกเรื่องความรักแบบ "รักจริงรอได้" ผมว่าดีมากที่เน้นเรื่องความรักที่บริสฺุทธิ์ ทั้งๆที่พระเอกเมื่อก่อนแสนจะ เจ้าชู้ คาสโนว่า หล่อรวย น่ารัก แต่พอมารักนางเอกก็กลับตัวซะงั้น(ใช่มะ) เรียกได้ว่าพ่อคนดีที่น่าจับจองกันทีเดียว และเนื้อเรื่องเน้นเรื่องความรักที่ย้ำถึงการรักกันต้องมีความยับยั้งไม่ฟิตเจอริ่งกันก่อนแต่ง(ไม่ชิงสุกก่อนห่ามเพราะสมัยนี้ยังไม่ทันห่ามแม่งก็หามขึ้นเตียงแล้ว) พอจบผมก็คิดว่าไม่มีอะไรน่าดูแล้วเพราะดูตัวอย่างแต่ละเรื่อง หน่ายมาก ยิ่งพอเห็นช่อง 3 โปรโมทเีรื่อง "บ่วง" บอกตามตรงผมคิดว่าเอาอีกละเอากลับมาสร้างใหม่ทำได้แค่นี้กันช่ายไหมวงการหนังไทยทำไมไม่คิดไม่สร้างหาอะไีรใหม่ๆ แบบSeriesสืบสวนแนวๆ"C.S.I" หรือเรื่องจิตวิทยาแบบ"LIE TO ME" ขนาดเกาหลี ญี่ปุ่น ยังมี "MR.BRAIN นายอัจฉริยะ" หรือ "LIAR GAME เกมหลอกคนลวง" ที่ดูแล้วได้แง่คิด แนวคิด ประเทืองปัญญา มีึความรู้ มีสาระ มากมายไปหมด ไม่ใช่อะไร ๆ ก็ได้ยินแต่เสียงแหกปาก กรี๊ด ๆ ๆ (แม่งหนวกหูมาก) เออๆได้ครับ ได้ความคิดแนวๆใส่ร้าย แย่งผู้ชาย บอกตามตรงถ้าผมเป็นพระเอกผมเอาแม่งหมดหละ อีตัวร้าย อีเพื่อนตัวร้าย ที่คอยช่วยเหลือช่วยวางแผน ทั้งๆที่จริงก็จ้องจะเอาพระเอกมาทำผัวเหมือนกัน นางเอกนี่ไปใหญ่ ผมให้หมดใจอะไร ๆ ก็ยอมกูทุกเรื่องมึงดีมากกูก็รักมึงมากแต่ไม่แสดงออก ถ้าเป็นผมกูกวาดเรียบเพื่อจะได้ปรองดองกัน(ใครจะว่าผมเลว"ยอม"สั้นๆ)  

    มาถึงคำพูดของอีแพง(กลับไปอ่านตัวแดงๆด้านบน) ผมชอบมากครับ แบบว่าเปลี่ยนช่องนั้น ช่องนี้ หลังอาบน้ำเสร็จ เลยเปิดทีวีเล่น ๆ ก่อนไปทำอย่างอื่น มันมาเจอะ เข้ากับฉากประมาณที่ท่านคุณพระเอกฟิตเจอรี่งกับตัวร้ายที่โดนผีอีแพงสะกดเสร็จแล้วนางเอกกลับมาเจอเลยกรี๊ด ๆ ๆ ๆ แล้วเป็นลม(มีกรี๊ดอีกแล้ว) ผ่านมาถึงฉากที่(ออกตัวก่อนเล่าผิดถูกมั่วฉากสลับตอนขออภัยยาวๆ) แม่นางเอกออกมาจิกหัวตัวร้ายแล้วด่า ซึ่งแกก็เป็นผีมาคอยดูแลลูกเพราะบ่วงกรรมที่เป็นห่วงลูก ฉากนี้น่าจะเป็นผีคุณหญิงอบเฉย ด่าว่าอะไรตัวร้ายซักอย่างนี่หละแล้ว ผีอีแพงโผล่มาตะคอกด่าสวนว่า "กูไม่กลัว (นั่นเอากะมัน) ตอนมีชีวิตอยู่มึงเป็นนายกู (นั่นมันรู้ด้วย) แต่ความตายมันยุติธรรม จะ สูง ต่ำ รวย จน สุดท้ายทุกคนต้องตายเป็นผีเท่าๆกัน มิหนำซ้ำอยู่เป็นผีบ้านผีเรื่อนที่ปกป้องลูกหลานไม่ได้ 555 (แม่งหัวเราะโดนใจมาก แต่โหนี่ถ้าเรื่องจริงตอนยังไม่ตายเป็นขี้ข้าอยู่สงสัยโดนลากไปโบย) แต่ผมฟังแล้วโดนครับมันก็พูดถูกของมัน ถึงสัจธรรมตามความเป็นจริงเลยนะ เออว่าแต่มึงฉลาดมีสำนึกแล้วทำไมมึงถึงไม่คิดกลับกันบ้างหวะ ว่าที่มึงทำมาชาติก่อนอะมึงโคตรเลวเลย หรือ ฉลาดนำหน้านายกหญิงวะ มึงคิดไปเอง เข้าข้างตัวเองดีมาก เลย คือทั้งหมดประโยคนี้ประโยคเดียวผมว่ามันจบนะครับ แต่ผมว่า อีเอวลอยนี่ คิดไปเองแบบเข้าข้างตัวเองอย่างเดียวเลยครับ ไอ้ประโยคที่มันพูดมันเอามาด่าคุณหญิงมันก็จริง แต่เขาสอนโว้ยว่า ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ มันวัดอะไรไม่ได้แล้วที่เหลือทิ้งไว้มันก็คือความดี(อาจไม่ถูกทั้งหมดนะครับลองหาศึกษากันดู) นี่มึงเล่น ตัดทอนความคิด แล้วคิดเข้าข้างตัวเองไปเองว่ามึงกะกูตายห่ากันแล้วเท่าเทียมกันละแบบนี้คิืดเข้าข้างตัวเองเพื่อทำเลวชัดๆ ผมว่าปัจจุบันคนในสังคมปัจจุบันคงมีแนวทางการคิดกันแบบนี้เยอะนะครับ สังคมมันเลยวุ่นวาย ไอ้ที่คิดกันไปเองเข้าข้างตัวเองที่หยิบความคิด หรือ คำสอนดีๆมาคิดไปเองแบบตัดทอนหรือหลงทางแล้วเข้าข้างความคิดตัวเอง



   จบ เท่านี้หละครับ สั้นๆ ผมไม่รู้อะนะเรื่องนี้คนเขาติดตามกันเพราะอะไีร แต่ ชอบแง่คิดและคำพูดของหนังเหมือนกัน ถ้า 1 ส่วนที่ดูละครแล้วย้อนเอามาเอาดูตัวไม่แค่ดูแล้วผ่านไปก็ดีซินะครับ โอ้ๆ NO NO ไม่ใช่เอาความอิจฉาริษยามานะครับ เอาแง่คิด คำพูดหรือการดำเนินชีวิตที่ดี ๆ มาใช้นะครับ สงสัยเสียจริงพวกที่เอาเปรียบสังคม เขาคงคิดไปเองว่า ไอ้ที่ตัวละครเลวๆ พูดมันเป็นสิ่งที่สมควรทำ !!!เอาภาพสวยๆ ปกติมาฝากบ้างข้างบนมันดูโหดไปหน่อย


ขอขอบคุณภาพจาก http://www.sanook.com และ ตามลายน้ำช่อง3ครับ

นิดนึง...สุดท้ายคำพูดที่แม่อีแพงพูดอยากให้ไปตามหาดูกันไม่กล้าเอามาลงเดี๋ยวโดนฟ้องผมว่ามันสะท้อนความคิดของคนหลงผิดได้ดีทีเดียวเลยครับ

2012-05-09

Coffee Lovers : Southern Coffee กาแฟดีๆที่ไม่ได้อยู่แค่ภาคใต้



   ช่วงนี้ผมมีโอกาสเดินทางออกนอกเมืองไปแถวบางกะปิอยู่บ่อยครั้ง อย่างน้อยๆ ก็อาทิตย์ละ 2-3 ครั้งโดยไปว่ายน้ำที่สวนน้ำในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งเพื่อลดน้ำหนักที่นับวันชักจะเพิ่มขึ้นจนขยับตัวลำบากเต็มทีซึ่งส่วนหนึ่งนั้นปฏิเสธไม่ได้ว่าเลยว่ามาจากการบริโภคกาแฟที่มีทั้งนมทั้งไขมันนั่นเองและแม้จะพยายามลดระดับไขมันในกาแฟหรือหักห้ามใจอย่างไรแต่สุดท้ายก็อดไม่ได้ต้องกลับไปดื่มตามเดิมอยู่ดี ดังนั้นเมื่อเลิกมันไม่ได้ก็ใช้วิธีลดน้ำหนักแทนการเลิกเสียเลยก็ดูสมเหตุสมผล (เข้าข้างตัวเอง) ดีเหมือนกันนะครับ


   และทุกครั้งที่นั่งรถกลับหลังจากเสร็จกิจว่ายน้ำออกกำลังกายซึ่งต้องกลับผ่านทางเส้นลาดพร้าวก็เจอร้านกาแฟร้านหนึ่งที่อยู่บริเวณไกล้ๆกันกับร้าน Verasu เข้า ร้านนี้เป็นร้านที่ไม่ใหญ่มากนักแต่ด้วยป้ายธงญี่ปุ่นที่ติดอยู่หลายอันช่วยดึงดูดสายตาให้ชวนมองและเมื่อเห็นข้อความเชิญชวนที่ว่า "ไม่อร่อยยินดีคืนเงิน" ยิ่งทำให้ความน่าสนใจในร้านกาแฟแห่งนี้มีมากยิ่งขึ้นด้วยว่าคำโปรโมทโฆษณาแบบนี้ไม่เคยเห็นมีใช้กันในวงการธุรกิจกาแฟมาก่อน ดังนั้นจึงทำให้ผมตัดสินใจลงจากรถประจำทางเข้าไปลิ้มลองกาแฟตามคำท้าทายของร้านนี้ ร้าน "Southern Coffee"


   ร้าน Southern Coffee แห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณในปั๊มน้ำมัน Pure หน้าซอยลาดพร้าว 134 ติดกับอาคาร Verasu ซึ่งถึงแม้ว่าเป็นร้าน stand alone ขนาดเล็กแต่การจัดที่นั่งภายในร้านก็สวยงามลงตัวมากและมีจุดชูโรงของร้านก็คือการใช้กาแฟจากภาคใต้เป็นกาแฟชนิดหลักมาชงเป็นเครื่องดื่มนั่นเองครับ


   สำหรับ story หรือเรื่องราวความเป็นมาของร้าน Southern Coffee นั้น เมื่อสืบหาข้อมูลจากเว็บไซต์ของทางร้านพบว่าร้านนี้เค้าเป็นร้านแบบแฟรนไชส์และมีสาขาหลายสาขาด้วยกันแต่ต้องยอมรับด้วยความสัตย์จริงว่าส่วนตัวเพิ่งเคยได้ยินชื่อร้านนี้และเห็นร้านสาขานี้เป็นร้านแรกในชีวิตและเมื่ออ่านต่อไปพบว่าร้าน Southern Coffee ใช้กาแฟที่เป็นสูตรเฉพาะตัวของทางร้านโดยการนำเอากาแฟทั้งสายพันธุ์อาราบิก้าและสายพันธุ์โรบัสต้ามาผสมสานให้เข้ากันเพื่อความกลมกล่อม โดยเฉพาะกาแฟโรบัสต้าที่ใช้นั้นเป็นกาแฟชั้นดีที่ปลุกในบริเวณภาคใต้ของประเทศไทยตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปและนี่เองจึงเป็นที่มาของชื่อร้าน Southern Coffee และโลโก้ของร้านที่นำเอารูปด้ามขวานทองในแผนที่ประเทศไทยมาประยุกต์จนเป็นสัญลักษณ์สินค้าอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน


   เมื่อก้าวเข้าไปในร้านเ ราสามารถรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่สบายๆ การจัดร้านอย่างสะอาดและมีระเบียบผนวกกับเพลงประเภท easy listening ที่ทางร้านเปิดทำให้ลูกค้าสามารถนั่งจิบกาแฟทอดอารมณ์คิดงานหรือมีสมาธิในการทำงานและช่วยในการผ่อนคลายความตึงเครียดมากขึ้นซึ่งสวนทางกับบรรยากาศการจราจรภายนอกที่แออัดและพลุกพล่านไปด้วยรถรา ยานพาหนะและความวุ่นวายตามประสาถนนคนเมืองในยุคที่ต้องรีบเร่ง


   พูดถึงความสับสนวุ่นวายในสังคมแล้วผมว่าแปลกเหมือนกันนะครับ ในโลกปัจจุบันนี้คนเรามีเครื่องช่วยอำนวยความสะดวก ช่วยย่นระยะเวลาการทำงานเพื่อให้มีเวลามากขึ้นแต่คนเรากลับบอกว่ามีเวลาน้อยลง หลายครั้งที่คนเรามัวแต่คิดแต่เรื่องการแข่งขันกับคนอื่นๆในสังคมจนลืมคิดไปว่าบางทีการแข่งขันกับตัวเองน่าจะสำคัญกว่าการแข่งขันกับคนอื่นเสียอีก คนเราทุกวันนี้คุยแชทด้วยตัวอักษรผ่านเครื่องมือสื่อสารมากกว่าพูดคุยกันด้วยเสียงแล้วมาบอกว่าไม่มีเวลาคุยกันเลย ฯลฯ สิ่งต่างๆ และความวุ่นวายเหล่านี้เมื่อเรามองย้อนกลับไปและคิดพิจารณาให้ดีจะพบว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะใคร แต่มันเกิดขึ้นจากตัวเรา ตัวมนุษย์อย่างเราๆนั่นเอง เทคโนโลยีก็ยังคงเป็นเทคโนโลยีของมันอยู่เหมือนเดิม มันทำหน้าที่เฉกเช่นที่มันเคยทำและควรทำ หากแต่มนุษย์เองทั้งสิ้นที่ไปคาดหวัง ปั้นแต่ง ให้มันเป็นไปตามที่ตัวเองต้องการและเมื่อเกิดความวุ่นวายไม่ได้ตามที่ต้องการก็โทษของเหล่านั้นแทนที่จะว่ากล่าวโทษตัวเอง นี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้โลกเราทุกวันนี้ดูช่างวุ่นวายเหลือเกิน ดังนั้นคงพอสรุปง่ายๆ ว่าบางทีความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในสังคมทุกวันนี้สาเหตุหลักก็มาจากมนุษย์เองทั้งสิ้นก็เป็นได้


   ดังที่ได้เกริ่นไปแล้วตอนต้นบทความว่าช่วงนี้ผมกำลังเข้าสู่โหมดละลายพุง ลดน้ำหนัก ดังนั้นกาแฟแก้วที่สั่งในวันนี้จึงเป็น Ice Americano พร้อมกำชับว่าเอาแบบหวานน้อยจนลืมไปว่ากาแฟร้านนี้เน้นสายพันธุ์โรบัสต้าซึ่งมีความขมเข้มข้นเป็นหลัก เมื่อยกมาเสริฟและลองดื่มดูปรากฎว่าขมเข้มข้นได้ใจเลยทีเดียว เหมาะกับคนชอบกาแฟที่แรงๆ ส่วนคนที่ดื่มกาแฟปกติแนะนำว่าให้สั่งแค่ Ice Americano ก็พอไม่ต้องเพิ่ม option หรือเจาะลึก detail อะไรลงไป ส่วนคนที่ไม่ชอบทานกาแฟร้านนี้เค้าก็ยังมีเครื่องดื่มอื่นๆ ให้ได้ชิมกันอีกด้วยหลายอย่างเลยทีเดียวทั้งชาเขียว ทั้งสมูทตี้ เลือกได้กันตามอัธยาศัยในราคาเบาๆครับ

   ในระหว่างที่เขียนบทความอยู่นี้ผมเองก็ไม่ทราบว่าสถานการณ์ทางภาคใต้เป็นอย่างไรกันบ้าง เราคงได้ติดตามข่าวเกี่ยวกับภาคใต้และได้เห็นเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น แม้ไม่ทราบว่าเกิดขึ้นจากอะไรหรือเกิดขึ้นจากกลุ่มคนกลุ่มใด แต่ด้วยความที่เป็นคนไทยที่อยู่ในผืนแผ่นดินไทยใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารแล้วก็ขอให้เหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้สงบโดยเร็ววัน ไม่ว่าจะเป็นพวกใดฝ่ายใดก็ขอให้หันหน้าเข้าหาเจรจากันเพื่อหาจุดลงตัวและให้เกิดความสงบในบ้านเมืองเหมือนอย่างกาแฟของร้าน Southern Coffee นี้ ที่ถึงแม้ว่ากาแฟทั้ง 2 สายพันธุ์ (อาราบิก้าและโรบัสต้า) จะปลูกจากพื้นที่ต่างกัน รสชาติแตกต่างกันแต่ก็สามารถนำมาผสมเข้าด้วยกันอย่างลงตัวจนสามารถดึงจุดเด่นที่ตนเองต่างมีออกมาและทำให้ท้ายที่สุดบังเกิดเป็นสุดยอดเครื่องดื่มที่คนกล่าวถึงตลอดไป.....

2012-05-07

รายละเอียดอย่างย่อ "อาณาจักรสามก๊ก"



อาณาจักรสามก๊ก

ในการปกครองบ้านเมืองของจีน ราชวงศ์ฮั่นถือเป็นราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่ราชวงศ์หนึ่ง ซึ่งได้แผ่ขยายอาณาเขตออกไปไกล ขับไล่ชนเผ่านอกด่านออกไปจากภาคเหนือของประเทศได้ ด้านทิศเหนือครอบครองแมนจูเรียและเกาหลีบางส่วน ทิศใต้ครองมณฑลกวางตุ้งและกว่างซีรวมถึงตอนเหนือของเวียดนาม ครั้นถึงปลายสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออกหรือตงฮั่น จักรพรรดิทรงอ่อนแอ ขันทีมีอำนาจเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ขุนศึกหัวเมืองต่าง ๆ พากันกระด้างกระเดื่องและตั้งกองกำลังส่วนตัวขึ้น ก่อความเดือดร้อนแก่ชาวบ้านไปทั่วแผ่นดิน ราษฎรได้รับความเดือนร้อนไปทั่วจนทำให้เกิดกบฏโจรโพกผ้าเหลืองขึ้น กลุ่มอิทธิพลต่าง ๆ ทำสงครามแย่งชิงอำนาจกันโดยไม่สนใจรัฐบาลกลาง ในที่สุดแผ่นดินจีนแตกออกเป็นสามก๊กอย่างชัดเจนภายหลังจากที่โจโฉพ่ายแพ้แก่เล่าปี่และซุนกวนในการศึกที่ผาแดง เมื่อปี พ.ศ. 751

วุยก๊ก

วุยหรือเฉาเว่ย  จัดเป็นก๊กที่ยิ่งใหญ่และมีอำนาจมากที่สุดในบรรดาสามก๊ก ในระหว่างปี พ.ศ. 763 - พ.ศ. 808 (ปี ค.ศ. 220-265) วุยก๊กครอบครองพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศจีน ปกครองโดยโจโฉ ต่อมาได้รับการสถาปนาเป็นราชวงศ์วุยโดยพระเจ้าโจผีและได้สถาปนาโจโฉเป็นจักรพรรดิแห่งราชวงศ์วุยอีกพระองค์หนึ่ง วุยก๊กปกครองอาณาจักรโดยจักพรรดิสืบต่อกันมาทั้งหมด 5 พระองค์ ได้แก่

  พระเจ้าโจผี ปกครองวุยก๊กในระหว่างปี พ.ศ. 763 - 769
  พระเจ้าโจยอย ปกครองวุยก๊กในระหว่างปี พ.ศ. 769 - 782
  พระเจ้าโจฮอง ปกครองวุยก๊กในระหว่างปี พ.ศ. 782 - 797
  พระเจ้าโจมอ ปกครองวุยก๊กในระหว่างปี พ.ศ. 797 - 803
  พระเจ้าโจฮวน ปกครองวุยก๊กในระหว่างปี พ.ศ. 803 - 808

วุยก๊กถูกโจมตีและโค่นล้มราชวงศ์วุยโดยสุมาเอี๋ยน ซึ่งต่อมาภายหลังได้สถาปนาราชวงศ์จิ้นขึ้นแทนและรวบรวมแผ่นดินที่แบ่งเป็นก๊กต่าง ๆ เข้าด้วยกัน

จ๊กก๊ก

จ๊กหรือสู่ฮั่น  เป็นหนึ่งในอาณาจักรสามก๊ก ปกครองโดยพระเจ้าเล่าปี่ เชื้อพระวงศ์แห่งราชวงศ์ฮั่น ในระหว่างปี พ.ศ. 764 - พ.ศ. 806 (ปี ค.ศ. 221-263) จ๊กก๊กครอบครองพื้นที่ทางภาคตะวันตกของประเทศจีน บริเวณมณฑลเสฉวน จ๊กก๊กปกครองอาณาจักรโดยจักรพรรดิสืบต่อกันมาทั้งหมด 2 พระองค์ ได้แก่

  พระเจ้าเล่าปี่ ปกครองจ๊กก๊กในระหว่างปี พ.ศ. 764 - 766
  พระเจ้าเล่าเสี้ยน ปกครองจ๊กก๊กในระหว่างปี พ.ศ. 766 - 806

จ๊กก๊กมีอายุได้แค่เพียง 42 ปีก็ล่มสลายลงด้วยกองทัพของวุยก๊ก เนื่องจากการปกครองแผ่นดินที่ล้มเหลวเพราะความโง่เขลาเบาปัญญาไร้ความสามารถวันๆเอาแต่เสพสุขของพระเจ้าเล่าเสี้ยน

ง่อก๊ก

ง่อหรืออาณาจักรหวูตะวันออก  เป็นหนึ่งในอาณาจักรสามก๊ก ปกครองโดยพระเจ้าซุนกวน ในระหว่างปี พ.ศ. 765 - พ.ศ. 823 (ปี ค.ศ. 222-280) ง่อก๊กครอบครองพื้นที่ทางด้านตะวันออกของประเทศจีน ทางบริเวณตอนใต้ของแม่น้ำแยงซี ซึ่งคือพื้นที่บริเวณรอบ ๆ เมืองหนานจิงในปัจจุบัน ง่อก๊กปกครองอาณาจักรโดยจักรพรรดิสืบต่อกันมาทั้งหมด 4 พระองค์ ได้แก่

  พระเจ้าซุนกวน ปกครองง่อก๊กในระหว่างปี พ.ศ. 765 - 795
  พระเจ้าซุนเหลียง ปกครองง่อก๊กในระหว่างปี พ.ศ. 795 - 801
  พระเจ้าซุนฮิว ปกครองง่อก๊กในระหว่างปี พ.ศ. 801 - 807
  พระเจ้าซุนโฮ ปกครองง่อก๊กในระหว่างปี พ.ศ. 807 - 823

ง่อก๊กเป็นอาณาจักรสุดท้ายในบรรดาอาณาจักรสามก๊กที่ล่มสลายโดยกองทัพของสุมาเอี๋ยนและราชวงศ์จิ้น

เนื้อเรื่องย่อสามก๊ก

ภายหลังจากที่พระเจ้าฮั่นโกโจ ได้สถาปนาราชวงศ์ฮั่นจนมีการสืบทอดราชวงศ์มามากกว่าสี่ร้อยปี ในยุคสมัยของพระเจ้าเลนเต้เกิดการขัดแย้งกันเองภายในราชวงศ์ฮั่นจนถึงการแย่งชิงอำนาจและราชสมบัติ พระเจ้าเลนเต้ไม่ทรงตั้งตนในทศพิธราชธรรม ขาดความเฉลียวฉลาด เชื่อแต่คำของเหล่าสิบขันที เหล่าขุนนางถืออำนาจขูดรีดราษฏรจนได้รับความเดือดร้อนไปทั่ว โจรผู้ร้ายชุกชุมปล้นสะดมไปทั่วแผ่นดิน ดังจดหมายเหตุของจีนตอนหนึ่งได้บันทึกไว้ว่า "ขุนนางถือราษฏรดั่งหนึ่งอริราชศัตรู ขูดรีดภาษีอากรโหดร้ายยิ่งกว่าเสือ"[14] เกิดกบฎชาวนานำโดยเตียวก๊ก หัวหน้ากลุ่มโจรโพกผ้าเหลืองออกปล้นชิงเมืองต่าง ๆ จนเกิดความวุ่นวายแตกแยกแผ่นดินเป็นก๊กเป็นเหล่าจำนวนมาก

ภายหลังพระเจ้าเลนเต้สวรรคต เกิดการแย่งชิงราชสมบัติระหว่างพระราชโอรสทั้งสองพระองค์แต่ต่างพระชนนี พระเจ้าหองจูเปียนได้สืบทอดราชสมบัติโดยมีพระนางโฮเฮาผู้เป็นมารดาเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน แต่ในราชสำนักคงเกิดความวุ่นวายจากเหล่าขันทีทั้งสิบ โฮจิ๋นผู้เป็นพระเชษฐาของพระนางโฮเฮาจึงวางอุบายให้ตั๋งโต๊ะมาช่วยกำจัดเหล่าขันที แต่โฮจิ๋นกลับถูกลวงไปฆ่าทำให้เหล่าทหารของโฮจิ๋นยกกำลังเข้าวังหลวงเพื่อแก้แค้นจนเกิดจลาจลขึ้น ภายหลังตั๋งโต๊ะยกทัพมาถึงวังหลวงและฉวยโอกาสในขณะที่เกิดความวุ่นวายยึดอำนาจมาเป็นของตน สั่งถอดพระเจ้าหองจูเปียนและปลงพระชนม์ และสถาปนาพระเจ้าหองจูเหียบขึ้นแทน ทรงพระนามว่าพระเจ้าเหี้ยนเต้ และสถาปนาตนเองเป็นพระมหาอุปราช มีฐานะเป็นบิดาบุญธรรมของพระเจ้าเหี้ยนเต้

ตั๋งโต๊ะถืออำนาจเป็นใหญ่ในราชสำนัก สั่งประหารผู้ที่ไม่เห็นด้วยกันตนเองจนเหล่าขุนนางพากันโกรธแค้น โจโฉพยายามลอบฆ่าตั๋งโต๊ะแต่ไม่สำเร็จจนต้องหลบหนีไปจากวังหลวงและลอบปลอมแปลงราชโองการ นำกำลังทัพจากหัวเมืองต่าง ๆ มากำจัดตั๋งโต๊ะ แต่กองทัพหัวเมืองกลับแตกแยกกันเองจึงทำให้การกำจัดตั๋งโต๊ะล้มเหลว อ้องอุ้นจึงวางแผนยกเตียวเสี้ยนบุตรสาวบุญธรรมให้แก่ตั๋งโต๊ะและลิโป้บุตรบุญธรรม จนตั๋งโต๊ะผิดใจกับลิโป้เรื่องนางเตียวเสี้ยน ทำให้ลิโป้แค้นและฆ่าตั๋งโต๊ะ หลังจากตั๋งโต๊ะตาย ลิฉุยและกุยกีได้เข้ายึดอำนาจอีกครั้งและฆ่าอ้องอุ้นตาย รวมทั้งบังคับพระเจ้าเหี้ยนเต้ให้อยู่ภายใต้อำนาจ สร้างความคับแค้นใจให้แก่พระเจ้าเหี้ยนเต้เป็นอย่างยิ่ง จนมีรับสั่งให้เรียกโจโฉมาช่วยกำจัดลิฉุย กุยกีและเหล่าทหาร

โจโฉเข้าปราบปรามกบฎและยึดอำนาจในวังหลวงไว้ได้ แต่เกิดความกำเริบเสิบสานทะเยอทะยานถึงกับแต่งตั้งตนเองเป็นมหาอุปราช ควบคุมพระเจ้าเหี้ยนเต้ให้อยู่ภายใต้อำนาจอีกครั้ง ข่มเหงรังแกเหล่าขุนนางที่สุจริต พระเจ้าเหี้ยนเต้จึงใช้พระโลหิตเขียนสาสน์ลับไปยังเหล่าขุนนางที่จงรักภักดีเพื่อให้ช่วยกำจัดโจโฉแต่ถูกจับได้ทำให้เหล่าขุนนางถูกฆ่าตายหมด ความอสัตย์ของโจโฉแพร่กระจายไปทั่วทำให้บรรดาหัวเมืองต่าง ๆ พากันแข็งข้อไม่ยอมขึ้นด้วย โจโฉจึงนำกำลังยกทัพไปปราบปรามได้เกือบหมด แต่ไม่สามารถปราบปรามเล่าปี่และซุนกวนได้ เล่าปี่เป็นเชื้อสายราชวงศ์ฮั่นมีศักดิ์เป็นอาของพระเจ้าเหี้ยนเต้ที่มีความยากจนอนาถา มีคนดีมีฝีมือไว้เป็นทหารหลายคนแต่มีกำลังไพร่พลน้อยทำให้ต้องคอยหลบหนีศัตรูอยู่เสมอ จนได้จูกัดเหลียงมาเป็นที่ปรึกษาช่วยวางแผนกำลังรบให้ จึงสามารถตั้งตนเป็นใหญ่ในเมืองเสฉวนได้ สำหรับซุนกวนเป็นเจ้าเมืองกังตั๋งโดยการสืบสกุล เป็นเจ้าเมืองที่มีศีลธรรม ปกครองบ้านเมืองด้วยความยุติธรรมจึงเป็นที่เคารพนับถือและยอมสวามิภักดิ์มากมาย ทั้งสามฝ่ายต่างทำศึกสงครามกันตลอด แต่ก็ไม่อาจเอาชนะซึ่งกันและกันได้

เมื่อโจโฉตาย โจผีบุตรชายขึ้นครองราชสมบัติแทน สั่งปลดพระเจ้าเหี้ยนเต้และสถาปนาตนเองเป็นจักรพรรดิ ทรงพระนามว่าพระเจ้าเหวินตี้ ก่อตั้งราชวงศ์ใหม่คือราชวงศ์วุย เล่าปี่ซึ่งเป็นเชื้อสายราชวงศ์ฮั่นก็สถาปนาตนเองเป็นจักรพรรดิสืบทอดราชวงศ์ฮั่น โดยใช้เมืองเสฉวนเป็นเมืองหลวง ซุนกวนซึ่งไม่ยอมขึ้นกับพระเจ้าโจผีหรือเล่าปี่จึงตั้งตนเองเป็นจักรพรรดิ ปกครองเมืองกังตั๋ง ทำให้ประเทศจีนในขณะนั้นแตกแยกออกเป็นสามอาณาจักรหรือที่เรียกขานกันว่าสามก๊กได้แก่ฝ่ายจ๊กก๊กของเล่าปี่ วุยก๊กของโจผีและง่อก๊กของซุนกวน ภายหลังจากพระเจ้าโจผี พระเจ้าเล่าปี่และพระเจ้าซุนกวนสวรรคต เชื้อสายราชวงศ์เริ่มอ่อนแอ สุมาเจียวซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นมหาอุปราชของวุยก๊ก สามารถเอาชนะจ๊กก๊กและควบคุมตัวพระเจ้าเล่าเสี้ยนมาเป็นเชลยได้สำเร็จ หลังจากสุมาเจียวตาย สุมาเอี๋ยนบุตรชายสืบทอดตำแหน่งแทนและช่วงชิงราชสมบัติของวุยก๊กมาจากพระเจ้าโจฮวนและแต่งตั้งตนเองเป็นจักรพรรดิ ก่อตั้งราชวงศ์ใหม่คือราชวงศ์จิ้น พระเจ้าสุมาเอี๋ยนสามารถปราบพระเจ้าซุนโฮแห่งง่อก๊กให้ยินยอมสวามิภักดิ์ได้สำเร็จ แผ่นดินจีนที่เคยแตกแยกออกเป็นก๊กเป็นเหล่ามายาวนาน กลับรวมกันเป็นอาณาจักรเดียวได้ดั่งเดิม

ตัวละครหลัก

เล่าปี่
  เล่าปี่  มีชื่อรองเสวียนเต๋อแปลว่าผู้มีคุณธรรมอันประเสริฐ เรียกชื่อเต็มว่า "ห้วนจงกุ๋นยี่เซงเตงเฮาเล่าปี่" รูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าขาว ใจคอกว้างขวาง นิสัยสุภาพเรียบร้อย เยือกเย็นและมีความกตัญญูสูง พูดน้อยยิ้มยาก ไม่แสดงความรู้สึกออกทางสีหน้า เชี่ยวชาญในการใช้กระบี่คู่ เป็นเชื้อสายราชวงศ์ฮั่นมีศักดิ์เป็นอาของพระเจ้าเหี้ยนเต้ บิดาเสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก มีฐานะยากจนต้องยังชีพด้วยการทอเสื่อขาย ภายหลังได้พบกับกวนอูและเตียวหุยและสาบานตนเป็นพี่น้องกันร่วมออกปราบปรามโจรโพกผ้าเหลือง เล่าปี่ไม่ประสบความสำเร็จมาตลอดชีวิตจนได้จูกัดเหลียงมาเป็นที่ปรึกษา สามารถตั้งตัวเป็นใหญ่ได้ที่เสฉวนครอบครองอาณาจักรจ๊กก๊ก แต่งตั้งตนเองเป็นจักรพรรดิทรงพระนามจักรพรรดิเจาเลี่ยแห่งราชวงศ์ฮั่น เมื่อกวนอูและเตียวหุยถูกฆ่าตาย จึงยกทัพไปแก้แค้นซุนกวนแต่ถูกตีย่อยยับกลับมาและประชวรหนักจนสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 766 ที่มณฑลเสฉวน รวมพระชนมายุ 63 ชันษา

กวนอู
  กวนอู  เป็นชาวอำเภอไก่เหลียง มีชื่อรองหวินฉาง รูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าแดงเหมือนผลพุทราสุก นัยน์ตายาวรี หนวดเครางามถึงอก มีง้าวยาว 11 ศอกหนัก 82 ชั่งเป็นอาวุธคู่กาย เรียกว่าง้าวมังกรเขียว มีกำเนิดในครอบครัวนักปราชญ์ เชี่ยวชาญด้านคัมภีร์พิชัยสงคราม เก่งกาจวิทยายุทธ จงรักภักดี กตัญญูและซื่อสัตย์เป็นเลิศ ภายหลังได้พลั้งมือฆ่าปลัดอำเภอและน้าชายตายจนต้องหลบหนีและพบกับเล่าปี่และเตียวหุยจนสาบานตนเป็นพี่น้องกัน ร่วมทำศึกกับเล่าปี่มาโดยตลอด เป็นหนึ่งในห้าทหารเสือของเล่าปี่ ครองเมืองเกงจิ๋วร่วมกับกวนเป๋งบุตรบุญธรรมและจิวฉอง ภายหลังถูกแผนกลยุทธของลกซุนและลิบอง จนเสียเมืองเกงจิ๋ว กวนอูคับแค้นใจที่เสียทีลกซุนและลิบองจึงนำทัพไปตีเกงจิ๋วเพื่อแย่งคืน แต่ต้องหลุมพลางและถูกจับได้พร้อมกวนเป๋งที่เขาเจาสันและถูกประหารในปี พ.ศ. 762 รวมอายุได้ 59 ปี

เตียวหุย
  เตียวหุย  เป็นชาวเมืองตุ้นกวน มณฑลเหอเป่ย รูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าดำ ศีรษะโต นัยน์ตาพอง เสียงดังเหมือนฟ้าผ่า มีฝีมือในการรบสูงแต่มีจุดอ่อนที่นิสัยใจร้อน วู่วาม เสียการงานเพราะสุราบ่อยครั้ง มีคุณธรรม ซื่อสัตย์ต่อพี่น้อง ชำนาญการใช้ทวนที่มีลักษณะคล้ายกริช เดิมเป็นคนฆ่าหมูขาย ภายหลังได้พบกับเล่าปี่และกวนอูจนสาบานตนเป็นพี่น้องกัน ร่วมทำศึกกับเล่าปี่มาโดยตลอด เป็นหนึ่งในห้าทหารเสือของเล่าปี่ อายุน้อยกว่าเล่าปี่ 6 ปี น้อยกว่ากวนอู 5 ปี เมื่อกวนอูถูกฆ่าตาย เตียวหุยโกรธแค้นมาก ทวงสัญญาที่สาบานไว้ในสวนท้อและรบเร้าให้เล่าปี่ยกทัพไปตีซุนกวน แต่จูกัดเหลียงห้ามปราบไว้ ต่อมาได้สั่งลงโทษทหารสองคนคือฮอมเกียงและเตียวตัดโทษฐานเตรียมการไม่ทันและคาดโทษหนักถึงตาย เตียวหุยเสพสุราและเมาหลับในค่าย ทหารทั้งสองย้อนกลับมาฆ่าและตัดหัวก่อนไปสวามิภักดิ์ต่อง่อก๊ก รวมอายุได้ 54 ปี

จูล่ง
  จูล่ง  เป็นชาวตำบลเจวินติ้ง เมืองฉางชาน มณฑลเหอเป่ย รูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าขาว สวมเกราะเงินและชำนาญการใช้ทวนเป็นอาวุธ แต่เดิมจูล่งเป็นทหารของอ้วนเสี้ยว แต่ทนกับนิสัยไม่มีสัจจะของอ้วนเสี้ยวไม่ได้จึงไปอยู่กับกองซุนจ้าน ภายหลังได้พบกับเล่าปี่และซาบซึ้งในคุณธรรมและความมีน้ำใจ เมื่อกองซุนจ้านตายจึงไปทำราชการด้วย จูล่งเป็นหนึ่งในห้าทหารเสือของเล่าปี่และเป็นกำลังสำคัญในการทำศึกสงครามเกือบทุกครั้ง วีรกรรมสำคัญของจูล่งคือเมื่อเล่าปี่พ่ายแพ้โจโฉที่ฉางปั่น ครอบครัวเล่าปี่เกิดพลัดหลงในขณะหลบหนีไปทางใต้ จูล่งได้บุกตะลุยตีฝ่ากองทัพของโจโฉเพื่อค้นหาครอบครัวของเล่าปี่ และช่วยชีวิตอาเต๊าด้วยการนำมาใส่ไว้ในเกราะเสื้อที่บริเวณหน้าอก อาศัยกำลังตัวคนเดียวตีฝ่าตะลุยกองทัพ5แสนของโจโฉและนำอาเต๊ามาคืนให้แก่เล่าปี่ได้สำเร็จ จนเป็นที่เลื่องลือกล่าวขานไปทั่วแผ่นดินจนถึงปัจจุบัน จูล่งเป็นขุนศึกนักรบตั้งแต่วัยหนุ่มจนถึงวัยชรา และเสียชีวิตในปีศักราชเจี้ยนซิ่ง ปีที่ 18 รวมอายุได้ 72 ปี

จูกัดเหลียง
  จูกัดเหลียง  มีชื่อรองขงเบ้ง เกิดในปี พ.ศ. 724 ปีเดียวกับพระเจ้าเหี้ยนเต้ เป็นชาวตำบลหยางตู เมืองหลางเยีย มณฑลซานตง สูง 6 ศอก ใบหน้าขาวเหมือนหยก มักถือพัดขนนกคู่กายตลอดเวลา ได้รับการยกย่องถึงการเป็นผู้หยั่งรู้ดินฟ้ามหาสมุทร ฉายาฮกหลงหรือมังกรหลับ รักความถูกต้องยุติธรรม ชอบสันโดษ สติปัญญาเฉียบแหลม ชำนาญตำราพิชัยสงคราม รอบรู้สภาพภูมิประเทศและดินฟ้าอากาศ เล่าปี่ได้เชิญให้ไปช่วยทำราชการถึงสามครั้ง และเป็นผู้เสนอแผนหลงจงเตวัย แบ่งแยกแผ่นดินจีนออกเป็นสามก๊กเพื่อคานอำนาจซึ่งกันและกัน รับใช้ราชวงศ์ฮั่นถึงสองรุ่น จูกัดเหลียงได้รับการดำรงตำแหน่งเป็นมหาอุปราชแห่งอาณาจักรจก หลังจากพระเจ้าเล่าปี่สิ้นพระชนม์ จูกัดเหลียงได้ดูแลอาณาจักรจกเป็นอย่างดี พร้อมยังกรีธาทัพขึ้นเหนือตีอาณาจักรวุ่ย 5 ครั้ง แต่เสียดายนักที่ความฝันของเขาก็ไปได้แค่ครึ่งทางในการกรีธาทัพครั้งที่6 จูกัดเหลียงเสียชีวิตเมื่ออายุได้ 54 ปี ภายหลังจากตรากตรำการศึกสงครามมาตลอดชีวิต

โจโฉ
  โจโฉ ) มีชื่อรองเม่งเต๊กหรือเมิ่งเต๋อ เรียกชื่อเต็มว่า "โจเม่งเต๊กโฉ" เป็นลูกบุญธรรมของขันทีในวังหลวง แต่เดิมแซ่แฮหัวและคาดว่าน่าจะเกิดจากความแตกแยกในตระกูล ทำให้แยกออกมาเป็นแซ่โจ รูปร่างสูงใหญ่ คิ้วเล็ก หนวดยาว สติปัญญาเฉลียวฉลาด ชำนาญด้านอักษรศาสตร์และตำราพิชัยสงคราม ลุ่มหลงสุรานารี ในวัยเด็กมีนิสัยเกเร ชอบเอาชนะผู้อื่นและตั้งตนเป็นหัวหน้าเสมอ มีหมอดูเคยทำนายโชคชะตะของโจโฉว่า "โจโฉจะสามารถครอบครองโลกได้ แต่โลกก็จะลุกเป็นไฟเพราะความฉลาดปราดเปรื่องของตนเอง"

โจผี
  โจผี  พระนามรอง จื่อหวน เป็นพระโอรสองค์รองในพระเจ้าโจโฉ ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรวุ่ย พระเจ้าโจผีทรงพระอัฉริยะภาพวิชาศิลปะวิทยาและวิชาการสงคราม พระองค์ทรงต่อสู้เคียงคู่พระบิดาแต่ยุคแรกเริ่ม หลังจากโจโฉเสียชีวิต พระเจ้าโจผีได้กลายเป็นผู้นำของทัพของโจโฉ เข้ายึดอำนาจของพระเจ้าเหี้ยนเต้พร้อมบังคับให้พระเจ้าเหี้ยนเต้สละบัลลังก์ และปราบดาภิเศกตนเป็นปฐมกษัติรย์แห่งอาณาจักรวุ่ยในที่สุด

สุมาอี้
  สุมาอี้  มีชื่อรองว่า ชงต๊ะ มีลักษณะ แววตาแหลมเล็กคล้ายตาเหยี่ยว สุมาอี้เป็นคนเฉลียวฉลาด ชำนาญตำราพิชัยสงคราม ใจคอหนักแน่นแต่ก็เด็ดขาดในการตัดสินใจ เป็นมหาอุปราชคนสำคัญของอาณาจักรวุ่ยพร้อมรับใช้พระเจ้าแผ่นดินอาณาจักรวุ่ยถึง 4 พระองค์ ทั้งนี้สุมาอี้เป็นคู่ปรับคนสำคัญของจูกัดเหลียงและสู้รบปรบมือกับจูกัดเหลียงได้ผลผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะอยู่ถึง 5 ครั้ง และเผด็จศึกจูกัดเหลียงอย่างเด็ดขาดได้ในศึกครั้งที่ 6 แล้วจูกัดเหลียงเสียชีวิต หลังจากสิ้นสกุลโจ สุมาอี้ก็ได้สถาปนานราชวงศ์จิ้นขึ้นแทน

ซุนกวน
  ซุนกวน  มีชื่อรองจ้งโหมว เป็นเจ้าผู้ครองแคว้นกังตั๋ง บุตรชายคนที่สองของซุนเกี๋ยน น้องชายซุนเซ็ก ซุนกวนครองเมืองกังตั๋งต่อจากซุนเซ็กด้วยอายุเพียง 18 ปี ไม่ชำนาญการศึกสงคราม แต่มีฝีมือในการปกครองคนสูง มีขุนนางและทหารฝีมือดีไว้ในครอบครองเช่น จิวยี่ โลซก ลกซุน ลิบอง เตียวเจียวและขุนนางเหล่าทหารฝีมือดีอีกเป็นจำนวนมาก ซุนกวนร่วมมือกับเล่าปี่ทำสงครามกับโจโฉในศึกผาแดง แต่ภายหลังไปสวามิภักดิ์กับโจโฉ เมื่อโจผีขึ้นครองราชสมบัติต่อจากโจโฉได้แต่งตั้งซุนกวนเป็นเงาอ๋อง แต่มาถูกตัดความสัมพันธ์ในสมัยพระเจ้าโจยอย ซุนกวนแต่งตั้งตนเองเป็นจักรพรรดิในปี พ.ศ. 771 ทรงพระนามพระเจ้าตงอู๋ ครองราชสมบัตินานถึง 24 ปี สิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 795 รวมพระชนมายุ 71 ชันษา

จิวยี่
  จิวยี่  ชื่อรองกงกิ่ง อุปราชคนแรกแห่งอาณาจักรง่อ ที่ปรึกษาของซุนเซ็กพระเชษฐาของพระเจ้าซุนกวน ครั้นก่อนซุนเซ็กจะเสียชีวิตก็ได้สั่งเสียจิวยี่ให้ดูแลอาณาจักรง่อก๊กและซุนกวน ต่อมาในสมรภูมิผาแดงจิวยี่ได้จับมือร่วมรบกับจูกัดเหลียง เอาชนะทัพหลวงของโจโฉได้สำเร็จ กล่าวกันนักว่าจิวยี่ริษยาจูกัดเหลียงแต่ข้อเท็จจริงจิวยี่และจูกัดเหลียงมิได้มีอคติแก่กันเลย

ลกซุน
  ลกซุน  อุปราชคนที่ 4 แห่งอาณาจักรง่อ มีสติปัญญาเฉียบแหลม สามารถเอาชนะขุนศึกที่มีประสบการณ์อย่างกวนอูและพระเจ้าเล่าปี่ ทำให้ทั้งกวนอูเสียชีวิตและเล่าปี่เสียชีวิตและสิ้นพระชนม์ในเวลาต่อมาตามลำดับ ภายหลังถูกปลดจากตำแหน่งเพราะขัดแย้งกับพระเจ้าซุนกวนในเรื่องของการแต่งตั้งมกุฏราชกุมาร ตรอมใจจนเสียชีวิตในที่สุด

ตั๋งโต๊ะ
  ตั๋งโต๊ะ  ชื่อรองจ้งหยิ่ง อุปราชแห่งราชวงศ์ฮั่นในรัชสมัยพระเจ้าเหี้ยนเต้ หลังจากการปราบปราม10ขันที ตั๋งโต๊ะก็ก้าวสู่การเป็นทรราชย์ผู้ยิ่งใหญ่จนแผ่นดินเดือดเป้นไฟในเวลาต่อมา ท้ายที่สุดเขาก็ถูกสังหารโดยลิโป้เนื่องด้วยอุบายของเตียวเสี้ยนและอ้องอุ้น และทำให้โจโฉได้รับความชอบธรรมเป็นอุปราชแห่งราชวงศ์ฮั่นในเวลาต่อมา

ลิโป้
  ลิโป้  ชื่อรองเฟยเสียง เป็นสุดยอดขุนพลของตั๋งโต๊ะและเป็นที่เกรงขามไปทั่วแผ่นดิน ครั้งลิโป้ต่อสู้กับจูล่ง จูล่งใกล้แพ้แต่เล่าปี่มาช่วยไว้ได้ทัน แม้ว่าลิโป้จะเป็นที่เกรงขามไปทั่วแผ่นดินแต่ลิโป้เป็นคนอกตัญญูฆ่าผู้มีพระคุณมากมายรวมทั้งตั๋งโต๊ะด้วยเช่นกัน ท้ายที่สุดยอดขุนพลลิโป้ผู้นี้ต้องพ่ายแพ้ให้แก่โจโฉและเล่าปี่ คราวที่ต้องประหารลิโป้ ลิโป้ได้ขอชีวิตแก่เล่าปี่ แต่เล่าปี่ก็ยืนยันให้โจโฉประหารเพราะความอกตัญญูของตนเอง

เตียวเสี้ยน
  เตียวเสี้ยน  บุตรสาวบุญธรรมของอ้องอุ้น เตียวเสี้ยนเป็นคนกตัญญูกตเวทีต่ออ้องอุ้นและแผ่นดิน อ้องอุ้นจึงให้อุบายนางไปยุยั่วให้ลิโป้และตั๋งโต๊ะแตกกันจนนางได้เป็นภรรยาของตั๋งโต๊ะและลิโป้ ต่อมาแผนการของอ้องอุ้นสำเร็จและตั๋งโต๊ะเสียชีวิต นางเตียวเสี้ยนจึงไปอาศัยกับลิโป้ และหายสาปสูญไป บ้างกล่าวว่านางไม่ได้ไปอาศัยอยู่กับลิโป้แต่ไปอาศัยอยู่กับบิดาอย่างเก่า บ้างกล่าวว่านางหลบหนีไปหลังจากจบสิ้นภารกิจยุให้ลิโป้กับตั๋งโต๊ะแตกกัน บ้างถูกสังหารหรือหลบหนีไปได้เมื่อโจโฉและเล่าปี่จับกุมลิโป้ บ้างว่าถูกอ้องอุ้นสังหาร บ้างว่าลิฉุยกุยแกสังหาร บ้างกล่าวว่านางไม่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์แต่แรกแล้ว